นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับใช้งานเว็บไซต์

       นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า นโยบายบังคับใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2566 โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

คำนิยาม ภายในนโยบายฉบับนี้

     (ก)    เว็บไซต์หมายความว่า เว็บไซต์ชื่อว่า Mediviss และมีที่อยู่เว็บไซต์ที่ https://mediviss.com

(ข)     ผู้ควบคุมข้อมูล หมายความว่า ผู้ให้บริการหรือเจ้าของเว็บไซต์ตามนโยบายฉบับนี้ อันได้แก่ บริษัท เมดิวิสส์ จำกัด ทะเบียนนิติบุคคลเลขที่ 0105555024508 สำนักงานตั้งอยู่ที่ 89/8 หมู่9 ถนนหนามแดง-บางพลี ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540 ติดต่อ 02-144-1242 Email : info@mediviss.com

(ค)    ผู้ประมวลผลข้อมูลหมายความว่า บุคคลภายนอกซึ่งประมวลข้อมูลเพื่อประโยชน์หรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูล

(ง)     ข้อมูลหมายความว่า สิ่งที่สื่อความหมายให้รู้เรื่องราวข้อเท็จจริงข้อมูล หรือสิ่งใด ๆ ไม่ว่าการสื่อความหมายนั้นจะทำได้โดยสภาพของสิ่งนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใด ๆ และไม่ว่าจะได้จัดทำไว้ในรูปของเอกสาร แฟ้ม รายงาน หนังสือ แผนผัง แผนที่ ภาพวาด ภาพถ่าย ฟิล์ม การบันทึกภาพหรือเสียง การบันทึกโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีอื่นใดที่ทำให้สิ่งที่บันทึกไว้ปรากฏได้

(จ)     ข้อมูลส่วนบุคคลหมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคลธรรมดาใด ๆ ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวของบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม

(ฉ)    ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวหรือ “Sensitive Data” หมายความว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานที่เกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนา หรือ ปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ พันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า ม่านตา หรือลายนิ้วมือ ข้อมูลสหภาพแรงงาน หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ประกาศให้เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว

(ช)     ผู้ใช้งานหมายความว่า ท่าน ผู้เยี่ยมชม ผู้ใช้ ผู้เป็นสมาชิกของเว็บไซต์ ซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายฉบับนี้

(ซ)     เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหมายความว่า เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมข้อมูลจัดให้มีเพื่อดำเนินการตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล


การเชื่อมโยงข้อมูลของผู้ใช้งานเว็บไซต์กับผู้ให้บริการบุคคลที่สาม

       ผู้ใช้งานรับทราบ ตกลง และยินยอมให้ผู้ควบคุมข้อมูลอาจการเชื่อมโยงข้อมูลของผู้ใช้งานเว็บไซต์กับผู้ให้บริการบุคคลที่สาม โดยในการเชื่อมโยงหรือแบ่งปันข้อมูลต่อผู้ให้บริการบุคคลที่สามในแต่ละคราว ผู้ควบคุมข้อมูลจะแจ้งให้ผู้ใช้งานทราบว่าข้อมูลของผู้ใช้งานใดที่จะถูกเชื่อมโยงหรือแบ่งปันแก่ผู้ให้บริการบุคคลที่สาม ทั้งนี้ เมื่อผู้ใช้งานได้แสดงเจตนาโดยชัดแจ้งในการอนุญาตให้มีการเชื่อมโยงหรือแบ่งปันดังกล่าวนั้น อันรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การกดยอมรับ อนุญาต เชื่อมโยง แบ่งปันหรือการกระทำใด ๆ อันมีลักษณะโดยชัดแจ้งว่าผู้ใช้งานได้ยินยอมในการเชื่อมโยงหรือแบ่งปันข้อมูลต่อผู้ให้บริการบุคคลที่สามนั้น

 

ข้อ 1 การติดตามพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของผู้ใช้งาน

       ผู้ใช้งานรับทราบ ยินยอม และตกลงให้ผู้ควบคุมข้อมูลอาจใช้ระบบและ/หรือเทคโนโลยีดั่งต่อไปนี้ในการติดตามพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของผู้ใช้งาน Cookies Pixel tags และ Analytics ทั้งนี้เพื่อวัตถุประสงค์ดังระบุต่อไปนี้เท่านั้น เพื่อพัฒนาการให้บริการละนำเสนอสินค้าที่ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งาน เพื่อทำรายงานการเดินทางประจำเดือน (Travel Report) ให้แก่ผู้ใช้งาน

 

ข้อ 2 การถอนความยินยอมของผู้ใช้งาน

       ผู้ใช้งานรับทราบว่าผู้ใช้งานมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมใด ๆ ที่ผู้ใช้งานได้ให้ไว้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลตามนโยบายฉบับนี้ได้ ไม่ว่าเวลาใดโดยการดำเนินการ ดังต่อไปนี้แจ้งเป็นลายลักษณะอักษร ที่ info@mediviss.com โดยผู้ใช้งานยังรับทราบอีกว่าเมื่อผู้ใช้งานได้ดำเนินการถอนความยินยอมแล้ว ผู้ใช้งานจะได้รับผลกระทบ ดังต่อไปนี้

ผู้ใช้งานจะไม่สามารถใช้บริการพิเศษภายในเว็บไซต์ มีเพียงสิทธิเยี่ยมชมเท่านั้น ผู้ใช้งานอาจได้รับบริการที่ไม่ถูกต้องและไม่มีประสิทธิภาพโดยที่ ผู้ใช้งานยังได้ตกลงยอมรับซึ่งผลแห่งการถอนความยินยอมนั้นทั้งสิ้น

 

ข้อ 3 บัญชีผู้ใช้

      ในการใช้งานเว็บไซต์ ผู้ควบคุมข้อมูลอาจจัดให้มีบัญชีผู้ใช้ของแต่ละผู้ใช้งานเพื่อการใช้งานเว็บไซต์ โดยที่ผู้ควบคุมข้อมูลมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการอนุมัติปิดบัญชีผู้ใช้ กำหนดประเภทบัญชีผู้ใช้ กำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลของแต่ละประเภทบัญชีผู้ใช้ สิทธิการใช้งานเว็บไซต์ ค่าใช้จ่ายใดๆเกี่ยวกับบัญชีผู้ใช้ หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ใช้งานซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีผู้ใช้นั้น ๆ ทั้งนี้ ผู้ใช้งานตกลงจะเก็บรักษาชื่อบัญชีผู้ใช้ รหัสผ่าน และข้อมูลใด ๆ ของตนไว้เป็นความลับอย่างเคร่งครัด และตกลงจะไม่ยินยอมให้ รวมถึงใช้ความพยายามอย่างที่สุดในการป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้งานบัญชีผู้ใช้ของผู้ใช้งานในกรณีที่มีการใช้บัญชีผู้ใช้ของผู้ใช้งานโดยบุคคลอื่น ผู้ใช้งานตกลงและรับรองว่าการใช้งานโดยบุคคลอื่นดังกล่าวได้กระทำในฐานะตัวแทนของผู้ใช้งานและมีผลผูกพันเสมือนหนึ่งผู้ใช้งานเป็นผู้กระทำการเองทั้งสิ้น

  

ข้อ 4 สิทธิของผู้ใช้งาน

       ในการเข้าใช้งานเว็บไซต์ตามนโยบายฉบับนี้และการให้ความยินยอมใด ๆ ตามนโยบายฉบับนี้ ผู้ใช้งานได้รับทราบถึงสิทธิของตนในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นอย่างดีแล้ว อันรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงสิทธิ์ของผู้ใช้งาน ดังต่อไปนี้

        (ก)    ผู้ใช้งานอาจถอนความยินยอมที่ให้ไว้ตามนโยบายฉบับนี้เมื่อใดก็ได้ โดยการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรแก่ผู้ควบคุมข้อมูลตามวิธีและช่องทางที่กำหนดในนโยบายฉบับนี้

        (ข)     ผู้ใช้งานมีสิทธิการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของตนหรือที่เกี่ยวข้องกับตนที่ผู้ควบคุมข้อมูลได้เก็บรวบรวมเอาไว้ตามนโยบายฉบับนี้

        (ค)    ผู้ใช้งานมีสิทธิได้รับการเปิดเผยจากผู้ควบคุมข้อมูลถึงการได้มาซึงข้อมูลส่วนบุคคลของตนหรือที่เกี่ยวข้องกับคนซึ่งตนไม่ได้ให้ความยินยอม หากว่ามีกรณีเช่นว่า

        (ง)     ผู้ใช้งานอาจให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของตนหรือที่เกี่ยวข้องกับตนไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น รวมถึงการขอรับข้อมูลได้ส่งหรือโอนดังกล่าว                   โดยตรงจากผู้ควบคุมข้อมูลที่ส่งหรือโอนข้อมูลนั้นด้วย

 

(ก)     ผู้ใช้งานอาจคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนหรือที่เกี่ยวข้องกับตนได้ในกรณี

          ดังต่อไปนี้

 

(1) ผู้ควบคุมข้อมูลเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานด้วยความจำเป็นเพื่อประโยชน์

โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลหรือของบุคคลซึ่งผู้ใช้งานอาจพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าผู้ควบคุมข้อมูล

 

(2) ผู้ควบคุมข้อมูลเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานเพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย

ของผู้ควบคุมข้อมูลซึ่งผู้ใช้งานอาจพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าผู้ควบคุมข้อมูล

 

(3) ผู้ควบคุมข้อมูลเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไปเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาด

แบบตรง

(4) ผู้ควบคุมข้อมูลเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไปเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษา

วิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ โดยการศึกษาวิจัยนั้นไม่มีความจำเป็นในการดำเนินการเพื่อ

ก่อให้เกิดประโยชน์สาธารณะ

 

(ข)  ผู้ใช้งานอาจให้ผู้ควบคุมข้อมูลดำเนินการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลไม่สามารถระบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของ

ข้อมูลได้ ในกรณีดังต่อไปนี้

 

(1) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิด

เผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น

 

(2) เมื่อผู้ใช้งานซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย

ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นและผู้ควบคุมข้อมูลนั้นไม่มีอำนาจอื่นตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย

ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้อีกต่อไป

 

(3) เมื่อผู้ใช้งานได้คัดค้านการเก็บรวบรม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลนั้นโดยชอบด้วยกฎหมาย

 

(4) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ

เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

 

(ค)     ผู้ใช้งานอาจให้ผู้ควบคุมข้อมูลระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นโดยยังคงเก็บรักษาเอาไว้ได้อยู่ ในกรณีดังต่อ

ไปนี้

(1) ผู้ควบคุมข้อมูลอยู่ในระหว่างการถูกตรวจสอบโดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูล

ส่วนบุคคลซึ่งผู้ใช้งานได้ร้องเรียนให้มีการตรวจสอบดังกล่าว

(2) ข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับเกี่ยว

กับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

(3 ในกรณีที่ผู้ใช้งานมีความจำเป็นต้องการให้ผู้ควบคุมข้อมูลเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอาไว้เพื่อ

ประโยชน์ในสิทธิเรียกร้องของผู้ใช้งานเอง อันได้แก่ การก่อสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายของผู้ใช้งาน การ

ปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ผู้ใช้งานอาจ

ให้ผู้ควบคุมข้อมูลเพียงระงับการใช้ข้อมูลแทนการดำเนินการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลไม่สามารถระบุว่า

บุคคลผู้เป็นเจ้าของข้อมูลได้

(4) ผู้ควบคุมข้อมูลอยู่ในระหว่างการพิสูจน์หรือตรวจสอบเพื่อปฏิเสธการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเผย

แพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งผู้ใช้งานได้คัดค้านโดยชอบด้วย

(ง)      เมื่อผู้ใช้งานพบเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานผิด ล้าหลัง ไม่ชัดเชน ผู้ใช้งานมีสิทธิให้ผู้ควบคุมข้อมูล

ดำเนินการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลนั้นให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้

(จ)      ผู้ใช้งานอาจร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่เกี่ยวกับ

การกระทำการฝ่าฝืนหรือการไม่ปฏิปัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ของผู้ควบคุมข้อมูลและ/หรือผู้ประมวลผลข้อมูล

 

ข้อ 5 การรักษาความมั่นคงปลอดภัย

ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายฉบับนี้ ผู้ควบคุมข้อมูลจะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่หมาะสมเพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลไม่เป็นไปตามกฎหมาย ด้วยมาตรการ มาตรฐาน เทคโนโลยีและ/หรือด้วยระบบ ดังต่อไปนี้กำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูล (Access Right ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ใช้การเข้ารหัสข้อมูล (Encryption) ในการส่งผ่านข้อมูล และการรักษาความปลอดภัย : Firewalls และ Internet Protocol รวมถึงการควบคุมให้ผู้ประมวลผลข้อมูลมีการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่น้อยไปกว่าที่กำหนดในนโยบายฉบับนี้ด้วย

 

ข้อ 6 การแก้ไขปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคล

ผู้ควบคุมข้อมูลจะจัดให้มีระบบและมาตรการตรวจสอบ ดังต่อไปนี้

(ก) ดำเนินการปรับปรุงแก้ใขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

(ข) ลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่เกินระยะเวลาเก็บรวบรวมที่ผู้ใช้งานได้ให้ความยินยอมเอาไว้

(ค) ลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามที่ผู้ใช้งานได้ให้ความยินยอม

เอาไว้

  

 ข้อ 7 การเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ผู้ใช้งานรับทราบและตกลงว่าผู้ควบคุมข้อมูลอาจเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลของผู้ใช้งานได้โดยไม่ต้องได้

รับความยินยอมจากผู้ใช้งานก่อนล่วงหน้า ทั้งนี้เท่าที่จำเป็นและตราบเท่าที่เป็นไปตามวัตถุประสงค์และในกรณีดังต่อไปนี้เท่านั้น

 

(ก) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ

หรือเกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของ

ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน

(ข) เพื่อป้องกันเหตุระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคลใดๆ

(ค) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการ

ดำเนินการตามคำขอของผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญาดังกล่าวนั้น

ง)เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าในการดำเนินการเพื่อประโยชน์สาธารณะของผู้ควบคุมข้อมูลหรือปฏิบัติ

หน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลนั้น

(จ) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลหรือของบุคคลในประโยชน์ดังกล่าว

มีความสำคัญมากกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานนั้น

(ฉ) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูล

ทั้งนี้ ผู้ควบคุมข้อมูลจะบันทึกการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานตามวรรคก่อนหน้าไว้เป็น

สำคัญ

 

ข้อ 8 การเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data)

ผู้ใช้งานรับทราบและตกลงว่านอกจากการเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งผู้ใช้งานได้ให้ความ

ยินยอมไว้โดยชัดแจ้งให้เก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายฉบับนี้แล้ว ผู้ควบคุมข้อมูลอาจเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data) ของผู้ใช้งานได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้งานก่อนล่วงหน้า ทั้งนี้เท่าที่จำเป็นและตราบเท่าที่เป็นไปตามวัตถุประสงค์และในกรณีดังต่อไปนี้เท่านั้น

 

(ก) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งไม่สามารถ

ให้ความยินยอมได้ ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม

(ข) เป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะด้วยความยินยอมโดยชัดแจ้งของผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น

(ค) เป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้ง การปฏิบัติตาม การใช้หรือการยกขึ้นต่อสู้ซึ่งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

ง) เป็นการจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ อันเกี่ยวกับ

(1) เวชศาสตร์ป้องกันหรืออาชีวเวชศาสตร์ การประเมินความสามารถในการทำงานของลูกจ้าง การวินิจฉัย

โรคทางการแพทย์ การให้บริการด้านสุขภาพหรือด้านสังคม การรักษาทางการแพทย์ การจัดการด้านสุขภาพ

หรือระบบและการให้บริการด้านสังคมสงเคราะห์

(2) ประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข เช่น การป้องกันด้านสุขภาพจากโรคติดต่ออันตรายหรือโรค

ระบาดที่อาจติดต่อหรือแพร่เข้ามาในราชอาณาจักร หรือการควบคุมมาตรฐานหรือคุณภาพของยา เวชภัณฑ์

หรือเครื่องมือแพทย์ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการที่หมาะสมและเจาะจงเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของผู้ใช้งาน

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลตามหน้าที่หรือตามจริยธรรมแห่ง

วิชาชีพ

(3) การคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล

ของผู้มีสิทธิตามกฎหมาย การคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถหรือการคุ้มครองทางสังคม ซึ่งการเก็บรวมรวม

ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นในการปฏิบัติตามสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ควบคุมข้อมูลหรือผู้

ใช้งานเจ้าของข้อมูล โดยได้จัดให้มีมาตรการที่หมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานและประโยชน์ของผู้ใช้

งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น

(4) การศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ หรือประโยชน์สาธารณะอื่น ทั้งนี้ ด้วยการเก็บ

รวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยเพียงเท่าที่จำเป็นและได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้น

ฐานและประโยชน์ของผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้

ประกาศกำหนด

(5) ประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ โดยได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิชั้นพื้นฐานและ

ประโยชน์ของผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น

ทั้งนี้ ผู้ควบคุมข้อมูลจะบันทึกการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานตามวรรคก่อนหน้าไว้เป็น

สำคัญ

 

ข้อ 9 การใช้งานเว็บไซต์ของบุคคลซึ่งอยู่ในความปกครอง อนุบาล หรือพิทักษ์ของผู้ใช้งาน

ผู้ใช้งานรับรองว่าจะไม่ใช้และจะไม่ยินยอมให้บุคคลซึ่งมีลักษณะ ดังต่อไปนี้ เยี่ยมชม ใช้งาน หรือเป็นสมาชิกของ

เว็บไซต์

(ก) คนไร้ความสามารถซึ่งอยู่ในความอนุบาลของผู้ใช้งาน

(ข) คนเสมือนไร้ความสามารถซึ่งอยู่ในความพิทักษ์ของผู้ใช้งานในกรณีที่ผู้ใช้งานยินยอมให้บุคคลลักษณะดังกล่าวข้างต้นเยี่ยมชม ใช้งาน หรือเป็นสมาชิกของเว็บไซต์ ผู้ใช้งานตกลงให้ถือว่าผู้ใช้งานใช้อำนาจปกครอง อนุบาล หรือพิทักษ์ของบุคคลดังกล่าวแล้วแต่กรณี ในการตกลงและให้ความยินยอมตามนโยบายฉบับนี้ทั้งสิ้น และในนามของบุคคลดังกล่าวด้วย

 

ข้อ 10 การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ

ผู้ควบคุมข้อมูลอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานไปยังต่างประเทศได้ในกรณีตั้งต่อไปนี้

(ก) ประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศที่รับข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วน

บุคคลที่เพียงพอตามที่กฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

(ข) ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยที่ผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้รับแจ้งและรับทราบ

ถึงมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไม่เพียงพอของประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศที่รับ

ข้อมูลนั้นแล้ว

(ค) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย

(ง) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญานั้นหรือเพื่อใช้ในการ

ดำเนินการตามคำขอของผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนการเข้าทำสัญญานั้น

(จ) เป็นการกระทำการตามสัญญาระหว่างผู้ควบคุมข้อมูลกับบุคคลอื่นโดยเป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น

(ฉ) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นหรือบุคคล

ใด ๆ เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถให้ความยินยอมในขณะนั้นได้

(ช) เป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ

 

ข้อ 11 การแจ้งเตือนเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

ในกรณีที่ผู้ควบคุมข้อมูลทราบถึงการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะมีการละเมิดโดยบุคคลใด ผู้ควบคุมข้อมูลจะดำเนินการดังต่อไปนี้

(ก) ในกรณีมีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลใด ๆ ผู้ควบคุมข้อมูลจะแจ้งเหตุการละเมิด

ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่ชักช้าเท่าที่จะสามารถ

กระทำได้ภายใน 72 (เจ็ดสิบสอง) ชั่วโมงนับแต่ทราบเหตุ

(ข) ในกรณีมีความสี่ยงที่จะมีผลกระทบอย่างสูงต่อสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลใด ๆ ผู้ควบคุมข้อมูลจะแจ้งเหตุการณ์

ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวและแนวทางการเยียวยาต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและ

ต่อผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น โดยไม่ชักช้าเท่าที่จะสามารถกระทำได้ภายใน 72 (เจ็ดสิบสอง) ชั่วโมงนับ

แต่ทราบเหตุ

 

ข้อ 12 การร้องเรียนและการแจ้งปัญหาเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล

ผู้ใช้งานอาจร้องเรียนและรายงานปัญหาเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การขอให้ผู้ควบคุมข้อมูล

แก้ไขปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันและ/หรือให้ถูกต้อง การคัดค้านการเก็บรวบรวมข้อมูล หรือระงับการใช้ข้อมูล ได้ที่

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผ่านช่องทางตั้งต่อไปนี้

Phone : 02-144-1242

Email : info@mediviss.com

 

ข้อ 13 การบันทึกรายการสำคัญ

เว้นแต่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะกำหนดให้สิทธิผู้ควบคุมข้อมูลไว้เป็นเป็นอย่างอื่น ผู้ควบคุมข้อมูลจะบันทึกรายการสำคัญเกี่ยวกับการจัดเก็บ การใช้ หรือการเปิดเผยข้อมูลเป็นหนังสือหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการตรวจสอบจากผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลหรือจากหน่วยงานของรัฐ อันรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงรายการ ดังต่อไปนี้

(ก) ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม

(ข) วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท

(ค) ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ควบคุมข้อมูล

(ง) ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

(จ) สิทธิและวิธีการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งเงื่อนไขเกี่ยวกับบุคคลที่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและ

เงื่อนไขในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลนั้น

(ฉ) การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมจากผู้ใช้งานเจ้าของ

(ช) การปฏิเสธคำขอและการคัดค้านต่าง ๆ

(ซ) รายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในข้อมูลส่วนบุคคล

 

ข้อ 14 การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบาย

ผู้ควบคุมข้อมูลอาจแก้ไขและเปลี่ยนแปลงข้อความในนโยบายฉบับนี้ได้ ไม่ว่าเวลาใดก็ตาม และไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน โดยผู้ควบคุมข้อมูลจะแจ้งให้ผู้ใช้งานทราบเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละคราวเพื่อให้ผู้ใช้งานได้พิจารณาและดำเนินการยอมรับด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการใด และหากว่าผู้ใช้งานได้ดำเนินการเพื่อยอมรับนั้นแล้วให้ถือว่านโยบายที่แก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายฉบับนี้ด้วย อนึ่ง ผู้ใช้งานอาจเข้าถึงนโยบายความเป็นส่วนตัวมีการแก้ไขและเปลี่ยนแปลงล่าสุดได้จากแหล่งที่ผู้ควบคุมข้อมูลจัดแสดงไว้จากช่องทาง ดังต่อไปนี้

https://mediviss.com/privacypolicy

 

ข้อ 15 ความสัมพันธ์ของคู่สัญญา

โดยที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายเข้าใจและทราบดีว่า การเข้าทำนโยบายฉบับนี้ไม่ทำให้คู่สัญญาและพนักงานของคู่สัญญา

แต่ละฝ่ายมีความสัมพันธ์ในฐานะเป็นลูกจ้างตามกฎหมายแรงงานหรือเป็นหุ้นส่วนกันตามกฎหมายหุ้นส่วนและบริษัทแต่อย่างใด

 

 ข้อ 16 การโอนสิทธิ

เว้นแต่จะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอย่างชัดแจ้งในนโยบายฉบับนี้ คู่สัญญาตกลงจะไม่โอนสิทธิ หน้าที่ และ/หรือความ

รับผิดตามนโยบายฉบับนี้ให้แก่บุคคลโดยมิได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเป็นการล่วงหน้าก่อน

 

ข้อ 17 การระงับข้อพิพาท

หากมีข้อโต้เถียง ข้อขัดแย้งใด ๆ เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากนโยบายฉบับนี้ หากคู่สัญญาไม่สามารถตกลงกันได้ คู่สัญญา

ตกลงจะนำข้อพิพาทดังกล่าวขึ้นฟ้องต่อศาลในประเทศไทย